ประวัติความเป็นมาของอำเภอปลาปาก
สถานที่ตั้งรกรากของชาวปลาปาก
นับว่าเป็นชนเผ่าที่น่าสนใจมิใช่น้อยเลยทีเดียว
ความเป็นมาของบรรพบุรุษของชาวปลาปากเดิมมีถิ่นที่อยู่ในเขตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่เมืองมหาชัย(อยู่ในแขวงคำม่วน)
ในยุคสมัยเมื่อพระยากู่แก้วเป็นเจ้าเมือง ได้ถูกพวกจีนฮ่อรุกราน
เจ้าเมืองมหาชัยจึงได้นิมนต์พระหลวงพ่อสมภารและพระน้อยชายชื่อเพียรหาญ
อพยพพลเมืองจำนวนหนึ่งข้ามมาฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ในเขตแดนของประเทศไทย
การเดินทางครั้งนั้นได้มาขออาศัยอยู่กับเจ้าพรหมมา
ซึ่งเป็นเจ้าเมืองนครพนมในขณะนั้น
เจ้าพรหมมานี้เป็นบุตรของเจ้าเมืองมหาชัย
เมื่ออพยพมาถึงบริเวณที่เรียกว่า ทามแคม ซึ่งเป็นบริเวณห้วยบังขนังในปัจจุบัน เห็นว่าเป็นสถานที่อุดมสมบูรณ์ด้วยเผือก
มัน กลอย ปลาและมีแหล่งน้ำเหมาะสม
บริบูรณ์
สำหรับการทำมาหาเลี้ยงชีพ
ทั้งทำเลก็กว้างขวางจึงได้พากันสำรวจ และตั้งที่พักอาศัย
แต่เนื่องจากทามแคมเป็นที่ลุ่มน้ำท่วมในฤดูฝน จึงอพยพผู้คน
ขึ้นไปสร้างบ้านเรือนและวัดอยู่บนที่เนินสูงใกล้เคียงกับทามแคมนั้น
ซึ่งต่อมามีหลักฐานพบว่าบริเวณนั้นเป็นบ้านเรือนร้างว่างเปล่าไม่มีผู้อาศัยอยู่
วัดก็ทรุดโทรมเก่าแก่มากมีสภาพปรักหักพัง มีพระทองสัมฤทธิ์ และพระพุทธรูปเก่าแก่องค์เล็ก ๆ
จำนวนหนึ่ง
ซึ่งยังหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบันนี้
และในวัดก็มีป้ายเป็นตัวอักษรลาวเขียนด้วยสีดำอ่านแล้วแปลความได้ว่า “วัดบ้านนาบุ่งทุ่งปลาเว้า”
วัดบ้านนาบุ่งทุ่งปลาเว้านี้
ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดศรีบุญเรืองเนื่องจากประชาชนได้มากราบไหว้บูชาพระทองสัมฤทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ทำให้วัดนาบุ่งทุ่งปลาเว้ามีความเจริญรุ่งเรืองขึ้น
และต่อมาในสมัยพระอาจารย์มหาแผลงดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอเมืองนครพนม
จึงได้เปลี่ยนชื่อวัดศรีบุญเรืองเป็นวัดคณิศรธรรมิการาม ในปัจจุบัน (จากหนังสือของดีศรีปลาปาก
: หน้า 28)
พระทองสัมฤทธิ์ที่กล่าวถึงในตำนานนี้มีอยู่จริง
และประดิษฐานอยู่ที่วัดคณิศรธรรมิการาม
คำว่า “เว้า” นี้เป็นภาษาท้องถิ่นซึ่งความหมายก็คือ พูด ตำนานเกี่ยวกับ ปลาเว้า มีประวัติความเป็นมาว่าบริเวณนี้ในฤดูฝนมีน้ำหลาก
จึงทำให้มีปลาชนิดหนึ่งลักษณะคล้ายปลาตะเพียนทองมารวมอยู่เป็นจำนวนมาก
และส่งเสียงร้องอึงคะนึงคล้ายเสียงคนพูดกัน
ชาวบ้านจึงพากันเรียกขานบริเวณแห่งนี้ว่า ปลาเว้า (ปลาพูด) คำว่า “ปาก”
นี้ในภาษาถิ่นอีสานเป็นคำกริยาหมายถึง พูด ดังนั้น ปลาปากก็คือ ปลาพูด หรือ ปลาเว้านั่นเอง ชาวบ้านจึงได้ตั้งชื่อว่า
ปลาปากตั้งแต่นั้นมา
ประวัติการตั้งเป็นอำเภอปลาปาก
ปลาปากเดิมเป็นตำบลหนึ่งขึ้นอยู่กับอำเภอเมืองนครพนม ต่อมาเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2507 ทางราชการได้ยกฐานะขึ้นเป็นกิ่งอำเภอ ประกอบด้วย 3 ตำบล คือ ตำบลปลาปาก ตำบลหนองฮี และตำบลกุตาไก้ได้แต่งตั้งร้อยโทวิชัย บุญรัตนผลิน รักษาราชการในฐานะปลัดอำเภอหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอปลาปาก ต่อมาเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2514 จึงได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอปลาปาก ประกอบด้วย 8 ตำบล ตำบลปลาปาก ตำบลหนองฮีตำบลกุตาไก้ ตำบลนามะเขือ ตำบลโคกสูง ตำบลมหาชัย ตำบลโคกสว่าง และตำบลหนองเทาใหญ่ (ตำบลหนองเทาใหญ่ยกฐานะขึ้นเป็นตำบลเมื่อปี 2521)
สถานที่ท่องเที่ยวของอำเภอปลาปาก
สถานที่น่าท่องเที่ยวที่สำคัญ ๆ
ของอำเภอปลาปากมีดังนี้
1) วัดธาตุมหาชัย ตั้งอยู่ที่บ้านมหาชัย
หมู่ที่ ๒ ตำบลมหาชัย เป็นที่ประดิษฐานขององค์พระธาตุมหาชัย
ซึ่งเป็นปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดนครพนมและชาวอำเภอปลาปากให้ความเคารพนับถือ
เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระอรหันต์ โดยมีหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ
อดีตเจ้าอาวาสวัดธาตุมหาชัยเป็นผู้นำในการก่อสร้างองค์พระธาตุ
ภายในมีพระพุทธรูปที่แกะสลักด้วยไม้สะเดาหวานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย
ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาเคารพกราบไหว้อยู่เสมอ
ในเดือนมีนาคมของทุกปีจะมีงานนมัสการพระธาตุมหาชัย
2) ศูนย์วัฒนธรรมวัดคณิศรธรรมิการาม
ตั้งอยู่ที่บ้านปลาปากหมู่ที่ 13 ตำบลปลาปาก แต่ก่อนนี้เป็นพระอุโบสถที่เก่าแก่ชำรุดทรุดโทรมมาก ภายในมีพระพุทธรูปศิลปะสมัยเชียงแสนหลายองค์ ปัจจุบันนี้พระอุโบสถหลังเก่าได้รื้อเนื่องจากทรุดโทรมมาก แต่พระพุทธรูปก็ยังเก็บไว้ภายในวัด และได้สร้างศูนย์ส่งเสริมศิลปหัตถกรรมขึ้นมาแทนที่บริเวณดังกล่าว คือ หัตถกรรมการทอผ้ามุก โดยมีพิพิธภัณฑ์อยู่ภายในอาคารดังกล่าวด้วยมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นบ้านของสมาชิกศูนย์ฯ พระครูสุนันท์ธรรมสถิตเจ้าอาวาสวัดคณิศรธรรมิการามและดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอปลาปากเป็นผู้ดำริในการจัดตั้งและผู้ดูแล พระครูสุนันท์ธรรมสถิตนี้ได้รับรางวัลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับจังหวัดในสาขาภูมิปัญญาชาวบ้านด้านการจัดการสวัสดิการและธุรกิจชุมชน และได้รับรางวัลวัดพัฒนาตัวอย่างของจังหวัดนครพนม ประจำปี 2547
พระครูสุนันท์ธรรมสถิตย์เจ้าอาวาสคนปัจจุบัน
3) ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพบ้านทันสมัยในพระบรมราชินูปถัมภ์
ตั้งอยู่ที่บ้านทันสมัย
หมู่ที่ 7 ตำบลมหาชัย มีการส่งเสริมอาชีพการทอผ้า ไหม ผ้าพื้นเมืองต่าง ๆ
และยังเป็นที่ตั้งของโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่อันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินาถ เพื่อเน้นการอนุรักษ์ต้นน้ำลำธาร
หยุดการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้
4)
สวนรุกขชาติวังปอพาน
ตั้งอยู่ริมถนนสายปลาปาก – กุรุคุ ห่างจากตัวอำเภอปลาปากประมาณ 3 กิโลเมตร มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เรือนแพ และซุ้มที่นั่งพักผ่อนคลายเครียด บรรยากาศดีสวยงามและเป็นธรรมชาติ
5) วัดป่ามหาชัย (อรัญญคาม) เป็นสถานที่สำหรับการอบรมปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแห่งหนึ่งประจำจังหวัดนครพนม เป็นสถานที่สงบเงียบ ร่มรื่น มีศาลาโบสถ์ที่งดงาม
วัดป่ามหาชัย (อรัญญคาม) ตำบลมหาชัย สถานที่ปฏิบัติธรรม
ของดีศรีปลาปาก
ประวัติการสร้างพระธาตุมหาชัย
สถานที่ตั้ง
วัดธาตุมหาชัย
บ้านมหาชัย ตำบลมหาชัย อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม
ความเป็นมา
พระธาตุมหาชัยองค์เดิม สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2518 โดยดำริของหลวงปู่ หลังจาก
ที่หลวงปู่ได้นำพาญาติโยมมาสร้างบ้านมหาชัย และสร้างวัดโฆษการาม
ต่อมาจึงดำริที่จะสร้างพระธาตุขึ้น เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวพุทธ
โดยได้รับความร่วมมือจากญาติโยม ชาวตำบลมหาชัยทุกหมู่บ้านได้นำเอาหินลูกรัง
และดินมากองรวมกันให้เป็นเนินสูงเพื่อจะให้เป็นฐานพระธาตุ จนได้เนินสูงพอสมควร
ต่อมาได้มีหน่วยงานของทางราชการมาช่วย เช่น หน่วยงานเร่งรัดพัฒนาชนบท (ร.พ.ช.)
ได้นำรถแทรกเตอร์มา ช่วยทำฐานพระธาตุเพียงหยาบๆ จนได้ฐานพระธาตุกว้าง 17 เมตร ยาว 23 เมตร สูง 4.50 เมตร การสร้างพระธาตุหลวงปู่
ได้ดำเนินการสร้างแบบค่อยเป็นค่อยไป
อาศัยกำลังจากญาติโยมและพระภิกษุสามเณรในวัด
พ.ศ. 2512 ศิษย์หลวงปูคนหนึ่งคือพระมหาเฉวต วชิรญาโณ
จำพรรษาอยู่ที่นครเวียงจันทน์
ประเทศลาวได้เดินทางมาเยี่ยมนมัสการหลวงปู่และได้นำเอาพระอรหันตสารีริกธาตุ
ของพระอัญญาโกณฑัญญะปฐมสาวก ถวายแด่หลวงปู่ เพราะเลื่อมใสเห็น ว่าหลวงปู่กำลังสร้าง
พระธาตุ
พ.ศ. 2514 หลวงปู่ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์พระธาตุขึ้น
โดยได้อาราธนาพระเทพรัตนโมลี เจ้าคณะจังหวัดนครพนมในสมัยนั้น
มาเป็นประธานในพิธีสงฆ์ ทางฝ่ายบ้านเมืองได้เชิญ พลตรี ยง ณ นคร
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธาน แต่ท่านผู้ว่าฯ ติดราชการจึงให้พันตรี อรุณ
สังฆบรรณ ปลัดอำเภอ ผู้เป็นหัวหน้ากิ่งอำเภอปลาปาก มาทำหน้าที่เป็นประธานแทน
เมื่อเสร็จจากพิธิวางศิลาฤกษ์แล้ว ได้ลงมือก่อสร้างองค์พระธาตุโดยพระมหาเฉวต
วชิรญาโณ เป็นช่าง และนายทองดี
ศรีสุวงค์ เป็นผู้ช่วย ได้ก่อสร้างขึ้นมาจนเป็นพระธาตุรูป 8
เหลี่ยม สูงประมาณ 7 เมตร
ในการก่อสร้างองค์พระธาตุได้อาศัยกำลังทรัพย์จากญาติโยมชาวตำบลมหาชัย
และตำบลใกล้เคียงได้บริจาคในรูปปัจจัยบ้าง วัสดุก่อสร้างบ้าง เช่น หิน
ซึ่งถากเป็นแผ่นๆ กว้าง 15 เซนติเมตร
ยาว 30 เซนติเมตร หนา 10
เซนติเมตร
พ.ศ. 2515 นายพิศาล
มูลศาสตร์สาทร
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมสมัยนั้น
เดินทางมาตรวจเยี่ยมชุดคุ้มครองตำบลมหาชัย ท่านได้เห็นพระธาตุ
และเห็นความพร้อมเพรียงของชาวบ้านที่ช่วยกันก่อสร้างพระธาตุ
จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาได้เข้ามากราบนมัสการ หลวงปู่และ
ได้ปวารณาตัวขอเป็นผู้อุปถัมภ์
ต่อมาท่านได้ให้นายช่างหน่วยเร่งรัดพัฒนาชนบทเขียนแบบแปลนพระธาตุขึ้นนำเสนอหลวงปู่
และได้ดำเนินการก่อสร้างองค์พระ ธาตุตามแบบแปลนจนเป็นผลสำเร็จสวยงาม
พ.ศ. 2517 พลตำรวจโทวิศิษฐ์
เดชกุญชร (ยศในขณะนั้น) ราชองครักษ์ในพระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมค่ายคุ้มครองตำบล
(ช.ค.ต.) และชุดปฏิบัติการช่วยเหลื่อประชาชน
(ป.ช.ป.) ท่านได้มาเห็นองค์พระธาตุก็เกิดความเลื่อมใส
ได้ถามประวัติความเป็นมาขององค์พระธาตุจนถึงการก่อสร้าง และกำหนดวันแล้วเสร็จ
หลังจากนั้นท่านได้นำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2518 ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จ พระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ
ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงนำพระบรมสารีริกธาตุ มาบรรจุไว้ที่องค์พระธาตุมหาชัย
และทรงเวียนเทียนรอบ องค์พระธาตุด้วยพระองค์เอง พร้อมด้วย ข้าราชบริพาร
และพสกนิกรฯ
ข้อมูลจำเพาะ (พระธาตุองค์เดิม)
ฐานและองค์พระธาตุรูปทรงแปดเหลี่ยม ฐานพระธาตุกว้าง 32
เมตร ยาว 32
เมตร มี 2 ชั้น ชั้นล่างสูง 2.50 เมตร ชั้นบนสูง 2
เมตร ฐานพระธาตุภายนอกใช้หินแม่รังแผ่นโต ๆ
นำมาถากเป็นแผ่นจำนวนทั้งหมด
5,320 แผ่น แต่ละแผ่นกว้าง 15
ซ.ม. ยาว 30
ซ.ม. หนา 10
ซ.ม. องค์พระธาตุสูง 10.50 เมตร รวมทั้งฐานสูง 15.00 เมตร รวมทั้งฉัตร สูง 16
เมตร
ประวัติองค์พระธาตุองค์ปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2536
หลวงปู่ได้ดำริที่จะสร้างองค์พระธาตุเจดีย์ครอบองค์เดิม
จึงได้ทำหนังสือถึงสำนักพระราชวังเพื่อขออนุญาตสร้างพระธาตุเจดีย์ครอบองค์เดิมต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในวโรกาสที่พระองค์ทรงครองราชสมบัติครบ
50 ปี ในปี พ.ศ. 2539
หลังจากนั้นจึงได้ดำเนินการก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นในลักษณะองค์เดิม
คือมีรูปทรงแปดเหลี่ยม โดยครอบองค์เดิม
ระยะห่างจากองค์เดิมกว้าง
1 เมตร
พระธาตุที่สร้างครอบนี้สูงรวมฐาน
37 เมตร
ที่คงรูปทรงแปดเหลี่ยมนั้นมีความหมายเป็นปริศนาธรรมของหลวงปู่ คือ พระธาตุรูปทรงแปดเหลี่ยม
หมายถึงมรรคมีองค์แปด และที่สูง
37 เมตร หมายถึง
ธรรมเป็นเครื่องตรัสรู้ 37 ประการ (โพธิปักขิยธรรม 37
ประการ) มรรค 8
มี สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ, สัมมาสังกัปปะ
ความดำริชอบ, สัมมาวาจา เจรจาชอบ, สัมมากัมมันตะ ทำการงานชอบ, สัมมาอาชีวะ
เลี้ยงชีวิตชอบ, สัมมาวายามะ ความเพียรชอบ,สัมมาสติ ระลึกชอบ, สัมมาสมาธิ ตั้งใจชอบ โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ ได้แก่ สติปัฏฐาน 4, สัมมัปปธาน 4 , อิทธิบาท 4, อินทรีย์ 5, พละ 5, โพชฌงค์ 7
, มรรคมีองค์ 8 ,องค์พระธาตุมหาชัยองค์ใหม่ที่สร้างครอบองค์เดิมนั้น สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวฯ
โปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรม โอรสาธิราชสยามกุฎราชกุมาร
ผู้แทนพระองค์เสด็จยกฉัตรพระธาตุเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14
พฤศจิกายน พ.ศ. 2539
พิพิธภัณฑ์วัดคณิศรธรรมมิการาม
ตั้งอยู่ที่วัดคณิศรธรรมมิการาม บ้านปลาปาก หมู่ที่ 2 อยู่ทางด้านทิศใต้ของตัวอำเภอ เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างของจังหวัดนครพนม ประจำปี 2547 โดยมีท่านพระครูสุนันท์ธรรมสถิต เป็นเจ้าอาวาส เป็นผู้ดำริจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ แต่เดิมวัตถุโบราณที่จัดไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อยู่ในอุโบสถหลังเก่าซึ่งชำรุดทรุดโทรมมาก จึงได้รื้อและจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งอยู่ในอาคารเดียวกับศูนย์ส่งเสริมศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน โดยมีกลุ่มแม่บ้านทอผ้ามุกทำการในอาคารแห่งนี้เป็นประจำ และเปิดให้ชมทุกวัน
สิ่งที่นำเสนอในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีทั้งพระพุทธรูป เหรียญพระ เงินโบราณสกุลต่าง ๆ ทั้งเหรียญกษาปณ์ และธนบัตร ไหโบราณ เครื่องใช้ของคนสมัยโบราณ มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้าน คือ พระทองสัมฤทธิ์เก่าแก่อยู่ที่นี่ด้วย